ชีวิตในวงการบันเทิง ของ คริสติน่า อากีล่าร์

บทความนี้เขียนขึ้นด้วยมุมมองของแฟนคลับ ซึ่งอาจมีเนื้อหามุมมองด้านเดียวหรือไม่เป็นสารานุกรม โปรดช่วยกันแก้ไขเพื่อให้บทความมีคุณภาพดียิ่งขึ้นและเป็นกลาง
  • พ.ศ. 2525 คริสติน่าได้ถูกสัมภาษณ์และถ่ายแบบลงในนิตยสาร บงกช และอีกหลายๆนิตยสาร
  • พ.ศ. 2527 คริสติน่าเธอได้เข้าประกวดนางสาวไทย โดยใช้ชื่อในการประกวดว่า ตรีจินดา อากีล่าสกุล เวทีเดียวกับ ชไมพร จตุรภุช หลังจากนั้นเธอก็ถ่ายแบบถ่ายโฆษณาอยู่หลายปี ก่อนเธอจะบินไปเรียนต่อต่างประเทศ

คริสติน่าเธอได้บอกว่าชีวิตในวงการบันเทิงเริ่มมาจากการร้องเพลงไม่เกี่ยวกับตอนที่เธอไปประกวดนางงามแต่อย่างใด

  • พ.ศ. 2532 คริสติน่าก้าวสู่วงการบันเทิงโดยคำชักชวนของ เรวัติ พุทธินันท์ โดยเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด GMM Grammy ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2532
  • พ.ศ. 2533 อัลบั้มแรก นินจา คริสติน่า เปิดตัวด้วย Mini Series Ninja [12] ทางรายการไนท์โชว์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เมื่อคืนวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2533 และวางแผง "วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2533" ด้วยแนวเพลงดนตรีป๊อบแดนซ์และซาวน์ดนตรีที่ล้ำสมัยและเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ยอดจำหน่ายทะลุล้านตลับภายในเวลาเดือนครึ่ง [13] โดยมียอดขายรวมกว่า 1.9 ล้านตลับ[14] ถือเป็นศิลปินหญิงคนแรกของไทยที่มียอดขายทะลุล้านตลับ[15][16] และยังสร้างสถิติเป็นอัลบั้มเปิดตัวศิลปินด้วยยอดขายสูงสุดของแกรมมี่ [17]

เพลงทั้งหมดในอัลบั้มล้วนติดชาร์ตคลื่นวิทยุหลากหลายคลื่น จนนิตยสารหรือแมกกาซีนหลายเล่มที่มีรูปเธอขึ้นปกก็ขายดิบขายดีจนหมดเกลี้ยงภายในพริบตา หรือไม่ว่าเธอจะไปเล่นฟรีคอนเสิร์ต เช่น โลกดนตรีหรือ ทัวร์คอนเสิร์ตในต่างจังหวัด เหล่าบรรดาแฟนเพลงของเธอก็ตามไปดูตามไปฟังกันอย่างท่วมท้นจนเธอได้รับ ฉายาว่า นินจาสาว อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตที่ทำให้คนทั้งประเทศได้รู้จักเธอ ก็คือ เพลง "นินจา, พลิกล๊อค, ขอคืน, ประวัติศาสตร์, หัวใจขอมา, เปล่าหรอกนะ, อย่าไปเสียน้ำตา, ร้อน ฯลฯ"

มิวสิกวิดีโอเพลง เปล่าหรอกนะ ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 6 (2534) สาขามิวสิควีดีโอยอดเยี่ยม คอนเสปต์แฟชั่นของอัลบั้มนี้ 'ชุดหมี ผมบ๊อบทรงแมวข่วน รองเท้าบู๊ต เข็มขัดเส้นโตกับหัวเข็มขัดรูปดาว ตุ้มหูห่วงใหญ่' กลายเป็นแฟชั่นที่ฮิตระดับปรากฏการณ์ ที่คนทั้งประเทศนั้นฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง [18]

  • พ.ศ. 2534 - หลังจากที่มีกระแสจากเหล่าบรรดาแฟนเพลงที่อยากให้เธอเปิดการแสดงสดเป็นของตัวเอง ในที่สุด เธอก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ชื่อว่า"คอนเสิร์ต นินจา คริสติน่า" ซึ่งจัดแสดง วันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ที่ MBK Hall ชั้น 7 เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ซึ่งบัตรถูกจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงจนต้องเปิดการแสดงเพิ่มถึง 2 รอบ
  • พ.ศ. 2535 - อัลบั้มที่ 2 ชื่อชุด อาวุธลับ วางแผงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2535 คริสติน่ากลับมาพร้อมกับผลงานดนตรีที่ล้ำสมัยและแปลกใหม่ และคอสตูมที่เป็นแฟชั่นสุดฮิต เปิดตัวอัลบั้มนี้ด้วย มิวสิควีดีโอเพลง จริงไม่กลัว

ซึ่งโด่งดังไปถึงต่างประเทศ จึงทำให้เธอ ได้รับรางวัล MTV Asian Viewers Choice Award จากมิวสิกวิดีโอเพลง "จริงไม่กลัว"และผู้ชนะจะได้รับเกียรติให้เดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคะแนนโหวตส่วนใหญ่ ที่ส่งให้เธอได้รับรางวัลนี้ มาจากประเทศอินเดียและประเทศในเอเชียหลายประเทศ จึงส่งผลให้เธอเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย อีกทั้งยังเคยมีบริษัทเพลงต่างชาติมาติดต่อให้เธอไปร่วมงานด้วย ตอนนั้นเธอยังไม่พร้อมในหลาย ๆ ด้านจึงต้องขอปฏิเสธโอกาสที่ดีนั้นไป และเธอยังได้ถูกนำเพลงของเธอทั้งสองอัลบั้ม นำมาเป็นรวมฮิตและผลิตขายในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆอีกด้วย ซึ่งยอดขายก็ขายดิบขายดี และเธอยังได้ ไมเคิล หว่อง นักแสดงและนายแบบชื่อดังจากเกาะฮ่องกงมาร่วมแสดงใน MV เพลง อย่าให้ถึงวันนั้นเลย รวมถึง มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ มาร่วมแสดงใน MV เพลง เสียใจเสียฟอร์ม[19] มีเพลงฮิตอย่าง จริงไม่กลัว , ปัญหาโลกแตก ,ไม่อยากจะเชื่อเลย , เวลาไม่ช่วยอะไร, ขอให้โชคดี ,ทำไม่ลง ,เสียใจเสียฟอร์ม , อย่าให้ถึงวันนั้นเลย ฯลฯ ยอดขายของอัลบั้นนี้เกิน 1.2 ล้านตลับ และได้มี คอนเสิร์ต BODY MOVE ตอน เพลงยุทธอาวุธลับวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 2 รอบ ที่MBK HALLซึ่งมีกระแสตอบรับอย่างดีมากจน บัตรถูกจำหน่ายหมดทั้ง 2 รอบ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง[20] และเธอได้ร่วมงานกับ นันทิดา แก้วบัวสาย ในเพลง "ตะกายดาว" ประกอบละครชุดตะกายดาว ซึ่งโด่งดังทั้งเพลงและละคร

  • พ.ศ. 2536 - โปรเจ็กต์อัลบั้ม "ซน งานซนคนดนตรี"ฉลอง 10 ปีค่ายแกรมมี่ โดยเธอนำเพลง "เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" ของ บิลลี่ โอแกน มาขับร้องใหม่ในสไตล์ของเธอจนประสบความสำเร็จอย่างสูง
  • พ.ศ. 2536 - อัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อชุด Red Beat รหัสร้อน วางแผงวันที่ 30 ธันวาคม 2536 คริสติน่ากลับมาทวงบัลลังก์นักร้องหญิงแถวหน้าอีกครั้งกับความร้อนแรง ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม และที่โดดเด่นจะเป็นทรงผมสั้นสุดร้อนแรงตรงคอนเซ็ปต์อัลบั้ม จนแฟนๆตัดตามกันและเรียกติดปากกันว่าทรง "สับปะรด" และสร้างความฮือฮาด้วยมิวสิควีดีโอเปิดตัวในเพลง ไม่ยากหรอก และ มีเพลงฮิตคือ ไปด้วยกันนะ , นาทีที่ยิ่งใหญ่ , รักเธอที่สุด ,เลิกเหอะ ไม่มีใครขอร้อง,อยากให้รู้เหลือเกิน...ว่าฉันเสียใจ ฯลฯ ด้วยกระแสความนิยมจากแฟนๆ จึงมีการรับสมัครแดนเซอร์ในโปรเจ็กต์ "Young Christina Dancer"อีกด้วย

อัลบั้มชุดนี้มียอดขายสูงเกินกว่า 3.5 ล้านตลับ ทำให้เธอเป็นนักร้องหญิงคนแรกของประเทศไทยที่มียอดขายสูงถึง 3 ล้านตลับและยังเป็นนักร้องหญิงที่มียอดขายสูงสุดของเมืองไทย[21] และได้มี คอนเสิร์ต Christina non-stop concert มีกระแสตอบรับอย่างดีบัตรถูกจำหน่ายหมดในเวลาอันรวดเร็ว จนมีเสียงเรียกร้องให้จัดคอนเสิร์ตอีกครั้งเพื่อฉลองความสำเร็จของอัลบั้มนี้ใน คอนเสิร์ต Dance Party กับคริสติน่า ตอน ไปด้วยกัน...ไม่ยากหรอก จนเรียกว่าปรากฏการณ์ "คริสติน่าFever" เลยทีเดียว

และประสบความสำเร็จอย่างสูงในเพลง รักเธอเสมอ(ต้นฉบับโดย อัสนี-วสันต์ โชติกุล) จนมียอดขายทะลุล้านตลับภายในเวลาไม่นาน จนแกรมมี่จัดคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ ขนนกกับดอกไม้ ณ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากกระแสตอบรับของทั้งชาวแกรมมี่ การ์ด และแฟนๆทั่วประเทศ

  • โปรเจ็กต์อัลบั้ม6.2.12" ประกอบไปด้วยศิลปินแนวหน้าของไทย เจตริน วรรธนะสิน ปฏิภาณ ปฐวีกานต์,อมิตา ทาทา ยัง,มีเรีย เบเนเดตตี้ และ UHT คริสติน่ามีส่วนร่วมขับร้อง ในเพลง "แล้วมารักกันต่อ" และ "ฉันจะรอดู" ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจนยอดขายเทปถึง 2.5 ล้านตลับ และยอดขายซีดีซิงเกิ้ลก็ทะลุถึง 2 ล้านแผ่น ซึ่งรวมๆ สร้างยอดขายได้เฉียด 5 ล้านชุดเลยทีเดียว ในอัลบั้มนี้คริสติน่าได้สร้างกระแสฮือฮาด้วยผมสีทองกับชุดหนังรัดรูปแนวอวกาศกับมิวสิควีดีโอ "แล้วมารักกันต่อ" จนติดชาร์ตคลื่นวิทยุยาวนานทั้งสองเพลง

ซึ่งเป็นคอนเสิร์ต ระดับปรากฏการณ์ ของค่ายแกรมมี่ และในปีเดียวกันนั้น คริสติน่าได้ร้องเพลง "มีเพียงแต่เธอ" ประกอบละครเรื่อง "รักหลอกๆ (อย่าบอกใคร)" และเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งเพลงและละคร

  • พ.ศ. 2540 - อัลบั้มชุดที่ 4 ชื่อชุด Golden Eye (ตาสีทอง มองที่ใจ) ภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์คนใหม่ "ธนา ลวสุต" วางแผงวันที่ 25 กันยายน 2540 คริสติน่ากลับมาพร้อมลุคสุดเปรี้ยวและเซ็กซี่เช่นเคย อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง อย่ามองตรงนั้น , ฝากความยินดี ,พูดอีกที, ไม่ต้องขอบใจ , ใต้ผ้าห่มอุ่น ,เธออยู่ไหน จับมัดไว้, ใบไม้ ซึ่งในอัลบั้มนี้ดังข้ามปี จนมียอดจำหน่ายเกิน 1.6 ล้านตลับ ซึ่งสร้างสถิติ นักร้องหญิงไทยคนแรกที่มียอดจำหน่ายเกินล้านตลับ ถึง 4 อัลบั้ม และคริสติน่ายังได้ร่วมแต่งทำนองเพลงในเพลง "ใต้ผ้าห่มอุ่น" และได้มีคอนเสิร์ตร่วมกับรายการ แฮปปี้เบิรด์เดย์ ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตการกุศล จัดขึ้นที่ MCC HALL THE MALL บางกะปิ วันที่ 23 ตุลาคม 2540 ซึ่งมีชื่อว่า คอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม GOLDEN EYE ซึ่งได้กระแสตอบรับจากแฟนเพลงอย่างสูงจนเต็มฮอลล์ และในโปรเจกต์อัลบั้มพิเศษมีเพลงใหม่ "Global Night Lite" กับเพลง Love Hurts (เลิกเหอะ) และออกอัลบั้มพิเศษฉลองความสำเร็จอย่าง Christina Remix ซึ่งนำเพลงฮิตในอัลบั้มต่างๆและนักร้องท่านอื่นมาร้องใหม่ เช่น "Easy baby like it like that" (ไม่ยากหรอก), อ้อมแขนที่ว่างเปล่า,คงจะมีสักวัน ซึ่งในพ.ศ.นี้คริสติน่าฮอตจนดังข้ามปี
  • พ.ศ. 2541 - เธอได้จัดตั้งกลุ่มแฟนคลับของเธอขึ้นมีชื่อว่า CHRISTINA FAN CULB และมีคริสติน่าเป็นประธานและได้รับการตอบรับอย่างสูงในขณะนั้น
  • พ.ศ. 2542 - อัลบั้มชุดที่ 5 "5th Avenue" วางแผงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นเพลงแนวพ็อพ-วาไรตี้ คริสติน่ามาในลุคที่ลดความเซ็กซี่ แต่งตัวสบายๆด้วยเสื้อแขนกุดกางเกงขายาวสะพายกระเป๋าในลุคชิลๆและทรงผมที่สุดเปรี้ยว มีเพลงฮิตอย่าง "รออีกนิดนึง ,หนึ่งนาที ,อุ่นใจ ,เสร็จอีกละ ,ผู้ชายขี้ลืม , และได้มีคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม 5 th Avenue" อีกเช่นเคย แต่อัลบั้มนี้ พิษของMP3 ระบาดหนักจนยอดขายต้องร่วงลงมา แต่ก็เป็นการเป็นลุคใหม่ที่ดีและแฟนๆก็ต้อนรับอย่างดี ยอดขายจึงสูงถึง 8.6 แสนตลับ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในสมัยนั้น และเพลงของเธอก็ยังคงติดชาร์ตวิทยุหลายต่อหลายคลื่น นอกจากนั้นยังมีเพลงประกอบละครเรื่อง "บาปรัก" ชื่อเพลง "ผิดด้วยหรือ" จนโด่งดังติดชาร์ตคลื่นวิทยุ ซึ่งโด่งดังทั้งเพลงและละคร
  • พ.ศ. 2543 โปรเจ็กต์อัลบั้มคู่ You Are The One เธอได้ร่วมงานกับนักร้องหญิงชาวอังกฤษ Sarah Jane Fearnley และเป็นการนำเพลงของคริสติน่ามา Arrange และทำดนตรีให้ทันสมัยขึ้น และได้โปรดิวเซอร์จากชาวอังกฤษคือ ไซม่อน เฮนเดอร์สัน ซึ่งสนิทกับเฟิร์น และยังผลิตส่งขายทั้งในและนอกประเทศ จึงเป็นอัลบั้มสากลชุดแรกของคริสติน่า จนประสบความสำเร็จพอสมควรและโด่งดังในต่างประเทศ จนแกรมมี่จัดคอนเสิร์ตต้อนรับเฟิร์นที่ชื่อว่า You Are the One All My Love Concert By Oil Of Olay ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แฟนๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้การต้อนรับอย่างสูง สมเกียรติ ทั้งคริสติน่า และเฟิร์น
  • พ.ศ. 2544 อัลบั้มชุดที่ 6 ชื่อชุด "Dancing Queen" วางแผงวันที่ 27 เมษายน 2544 คริสติน่ากลับมากับความยิ่งใหญ่และภาพลักษณ์หรูหราเพื่อตอกย้ำความเป็นราชินีเพลงแดนซ์ตัวจริงผสมกับแนวเพลงอิเล็คโรนิคก้าพ็อพ และมีเพลงเปิดตัวที่สร้างกระแสฮือฮา อาทิ คิดผิดคิดใหม่ , Zoom ,หาไว้สักคน , หนักกว่านี้(ฉันก็ไหว) ,อยากดีกว่าเขา ซึ่งทุกเพลงมีการใช้เทคนิคทางดนตรีอย่างมาก ภายใต้การดูแลงานของโปรดิวเซอร์คู่ใจ โอม ชาตรี คงสุวรรณ สังกัด RPG ในขณะนั้น แต่เนื่องจากอัลบั้มนี้ดนตรีค่อนข้างนำสมัยจึงใช้เวลาหลายปีที่เข้าถึงแฟนเพลง มิวสิควีดีโอ "คิดผิดคิดใหม่" และ Spot โฆษณาอัลบั้ม ซึ่งทำออกมาได้อลังการมาก ว่ากันว่าใช้เงินในการสร้างมิวสิกเพลงนี้ถึง 3 ล้านบาท และเป็นอัลบั้มที่มีความหวือหวาที่สุดอัลบั้มหนึ่ง และยังคงเป็นอัลบั้มที่ทันสมัยแม้นำกลับมาฟังในยุคนี้
  • พ.ศ. 2545 คริสติน่า กลับมากับคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปี สมศักดิ์ศรีแดนซิ่งควีน ในชื่อ Green Concert Vol. 8 หัวใจขอมา และสร้างกระแสฮือฮา ส่วนมาก Green concert จะเป็นคอนเสิร์ตที่มีแต่เพลงฟังสบาย แต่คอนเสิร์ตครั้งนี้เปลี่ยนรูปแบบของ Green concert ไปเป็นมีเพลงเต้นมากขึ้นและมีกระแสตอบรับเป็นอย่างสูงบัตรจำหน่ายหมดทั้งสองรอบ เมื่อวันที่ 22-23 มิถุนายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จำนวน 2 รอบ

8 กันยายน พ.ศ. 2545 คริสติน่าร่วมขึ้น Concert 10 Years EXACT อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี จำนวน 1 รอบ

  • พ.ศ. 2546 อัลบั้มชุดที่ 7 "Paradise" วางแผนวันที่ 24 มิถุนายน 2546 คริสติน่ากลับมาพร้อมคอสตูมชุดดำเว้าโชว์แผ่นหลังสุดเซ็กซี่กับทรงผมสั้นสุดเท่ และดนตรีกลิ่นอายแทงโก้ และนีโอลาตินในเพลงเปิดตัว "สวรรค์อยู่ที่ใจ" ซึ่งในชุดนี้มีเพลงฮิต ห้องเดิม , อยากฟังคำนั้นตลอดไป , สวรรค์อยู่ที่ใจ, คนแพ้ไม่มีที่ไป, คนบนฟ้า ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากมียอดขายถึง 7.6 แสนตลับ

11 - 12 ตุลาคม 2546 คริสติน่าร่วมแสดงใน "Green Concert Vol.9 ณ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก

  • พ.ศ. 2547 เธอได้รับบทบาทพิธีกรครั้งแรกในชีวิตของเธอ ในรายการ UNSEEN TV (อันซีน ทีวี) ทางช่อง 3 ร่วมกับ ดีเจโจ้ อัครพล ธนะวิทวิลาศ (เสียชีวิตแล้ว) และ คุณวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 14:15 น.อยู่ระยะเวลา 1 ปี 1 สัปดาห์ โดยเทปแรกพี่เบิร์ด ธงไชยมาเป็นแขกรับเชิญและให้กำลังใจพิธีกรมือใหม่ และในปีนี้ คริสติน่าได้มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญในงาน "บางกอก 2485 เดอะมิวสิคัล" เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2547 จำนวน 1 รอบ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และ คริสติน่ายังมีโอกาสได้ร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "ตารีบุหงา" ทาง ททบ.5 ชื่อเพลง "รออยู่ตรงนี้"
  • พ.ศ. 2548 - คริสติน่าได้เข้าร่วม "คอนเสิร์ตด้วยแสงแห่งรัก (The Light of Love)" เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิที่ภาคใต้ จัดแสดงที่ เวทีกลางแจ้งชั่วคราว สวนลุมพินี และ "คอนเสิร์ตซันซิลค์ ปาร์ตี้สำหรับสาวผมสวย" ร่วมกับ ใหม่ เจริญปุระ และ นูโว ณ สวนลุมไนซ์บาร์ซา แสดงเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2548
  • พ.ศ. 2549 คริสติน่ามาร่วมงานกับเอไทม์โชว์บิซ และ เจตริน วรรธนสิน ใน "The Beat Concert" มีกระแสตอบรับอย่างดีจนเกินคาด บัตรจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก และในปีเดียวกัน คริสติน่า ได้รับรางวัล Dancing Queen จากนิตยสาร OK.Magazine อีกด้วย
  • พ.ศ. 2550 อัลบั้มชุดที่ 8 "C.Space" ชุดนี้เป็นที่พูดถึงในเรื่องของเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะแว่นตาเพชรและแฟชั่นชุดแต่งกายแบบจัดเต็ม มี Teaser ฉายในรถไฟฟ้า พร้อมเปิดตัวเพลงใหม่อย่าง An Everlasting Love,วางมีดได้หรือยัง ,คืนเหงา" ซึ่งอัลบั้มนี้ได้ผลิตในรูปแบบ Enhance CD (ซีดีเพลงมัลติมีเดียแถม MV) อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 20 ในสาขานักร้องหญิงยอดเยี่ยม และนับเป็นอัลบั้มเดี่ยวชุดล่าสุดของเธอ (ชุดที่ 8)

และในปี (2550) จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จับมือ โดฟ จัดคอนเสิร์ตแดนซ์สุดมันส์แห่งปี Dove Presents “Dare To Dance Concert” (โดฟพรีเซ้นต์ แดร์ทูแดนซ์คอนเสิร์ต) เนรมิตดิสโก้เธคขนาดใหญ่ให้ 4 สุดยอดศิลปินเพลงแดนซ์ “เจ-ใหม่-โดม-ติ๊นา” มาร่วมแดนซ์แบบนันสต็อปเป็นครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 19 พ.ค.2550 ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี จำนวน 1 รอบ

  • พ.ศ. 2552 คริสติน่าไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษ Super Super Surprise Guest ให้ ธงไชย แมคอินไตย์ ในธงไชย คอนเสิร์ต แฟนซี แฟนซน...ร้อง เต้น เล่น แต่งตัว คอนเสิร์ตครบรอบ 25 ปี GMM Grammy จำนวน 4 รอบ ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2552

ช่วงปลายปี คริสติน่าร่วมงานกับ ใหม่ เจริญปุระ ทำโปรเจกต์ "Mai & Tina Beauty on The Beat" ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาอย่างมากในมิวสิควีดีโอ เพลง Burn และทั้งคู่ได้เปิดคอนเสิร์ต Mai & Tina Beauty on the Beat ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2552 โดยอัลบั้มเต็มวางแผง หลังจบคอนเสิร์ต เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2552

และในปีเดียวกันนั้นเอง เมื่อเดือนพฤษภาคม คริสติน่า อากีล่าร์ ได้ร่วมร้องเพลง "ขอความสุขคืนกลับมา" แต่งโดย นิติพงษ์ ห่อนาค เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองในกทม. และให้ดารานักแสดงและนักร้องหลายท่านมาร่วมร้องเพลงนี้ เป็นเพลงที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Nine Entertain และ นิติพงษ์ ห่อนาค

วันที่ 6 มิถุนายน 2553 ร่วมแสดงในงาน Together WE CAN Charity Days ที่จัดโดยกรุงเทพมหานคร โดยมีเหตุการณ์ประทับใจคือ เสียงดนตรี Backing Track ดับระหว่างการร้องเพลง นาทีที่ยิ่งใหญ่ [22]

และปี 2553 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2553 เป็นวันครบรอบ 20 ปีของการทำงานในวงการเพลงของคริสติน่า อากีล่าร์ (อัลบั้มนินจา คริสติน่า วางแผง 21 ธันวาคม 2533)

  • พ.ศ. 2554 คอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 20ปีบนเส้นทางสายดนตรีของคริสติน่า อากีล่าร์ "20th years Christina Aguilar Concert และเป็นนักร้องหญิงคนแรกที่มีโปรดักชั่นเวที แบบ center stage ที่หมุนได้ 360° ซึ่งเป็นความท้าทายของ คริสติน่า อากีล่าร์และทีมงาน Atime Showbiz ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และประสบความสำเร็จอย่างสูงกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ จนเป็นกระแส Talk of the town ในสื่อต่างๆมากมายแสดงวันที่ 4 -5 มิถุนายน 2554 รอยัลพารากอนฮอลล์ จำนวน 2 รอบ

โดยบัตรคอนเสิร์ตขายหมดในเวลาอันรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ทั้ง 5 รอบ

จนต้องจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งภายใน 6 เดือน คือ 6.2.13 Dance Fever Concert แสดงจำนวน 2 รอบ ในวันที่ 9 -10 พฤศจิกายน 2556 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

  • พ.ศ. 2557 คริสติน่าเป็นแขกรับเชิญให้กับ เทยแฟร์เฟสติวัลคาร์นิวัลแห่แหนประจำปี 2557[[ Muang Thai Gmm Live House @ Central World Fl.8 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2557
  • พ.ศ. 2559 คอนเสิร์ตใหญ่ ฉลองครบรอบ 25 ปี คริสติน่า อากีล่าร์ กับ Christina Kingdom Concert ที่มาพร้อมกับรูปแบบเวทีที่สุดปัง อาทิ แคทวอล์คเวทีเป็นสะพานหมุนได้ 360 องศา อีกทั้งการถ่ายโปสเตอร์โปรโมทของคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงทุนถ่ายโปสเตอร์และโปรดักชั่นที่แพงที่สุดตั้งแต่ เอไทม์โชว์บิซก่อตั้งบริษัทมา ซึ่งออกแบบโปรดักชั่นเวที แสง สี เสียงและเทคนิคพิเศษอย่างอลังการให้เป็นดั่งอาณาจักรของเธอ แสดงเมื่อ วันที่ 21-22 พฤษภาคม 2559 จำนวน 2 รอบ ณ รอยัลพารากอนฮอลล์
  • พ.ศ. 2559 “คอนเสิร์ตล้านตลับ" วันที่ 7-9 ตุลาคม 2559 จำนวน 3 รอบ ที่ Royal  Paragon  Hall การรวมตัวของ 6 ศิลปินหญิงระดับ ICON ผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย  ได้แก่
    • คริสติน่า อากีล่าร์
    • ใหม่ เจริญปุระ
    • นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้
    • โบ สุนิตา ลีติกุล
    • อมิตา ทาทา ยัง
    • นิโคล เทริโอ

โบ สุนิตา, จั๊ก ชวิน ศักดา อินคา สิงโต นำโชค แสตมป์ อภิวัชร์ อีทีซี วงทีโบน บี พีระพัฒน์ สุรสีห์ อิทธิกุล หนึ่ง จักรวาล ว่าน ธนกฤต พัดชา นนท์ ธนนท์ และ THE MISTER MUSIC SESSION คริสติน่า อากีล่าร์ ขึ้นเวทีหลังจากอยู่โรงพยาบาลมา 1 สัปดาห์ (1 - 7 พฤษภาคม 2560) ด้วยอาการอาหารเป็นพิษ และโรคภูมิแพ้ ซึ่งแพทย์ไม่อนุญาตเพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอมาก ง่ายต่อการติดเชื้อทุกชนิด แต่คริสติน่าก็มาร่วมงานเพื่อร้องเพลง "ชอบก็บอกชอบ" ของเรวัติ พุทธินันท์ หลังจบคอนเสิร์ตนี้ คริสติน่าขอพักงานช่วง พฤษภาคม 2560 - มิถุนายน 2560 เพื่อพักฟื้นสุขภาพ ให้แข็งแรงเหมือนเดิม

  • พ.ศ. 2560 Green Concert หมายเลข 20 ปุ๊ ปาน ป๊อด The 3 Masters เสาร์ที่ 9 และ อาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 ที่ Royal Paragon Hall รายได้ส่วนหนึ่งนำไปซื้อเครื่องกระตุกหัวใจ (AED) มอบให้โรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร โดยคริสติน่า อากีล่าร์ เป็นแขกรับเชิญของ ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ
  • พ.ศ. 2560 JDNA X-tream Concert 2 รอบการแสดง เสาร์ที่ 16 และ อาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560 ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยคริสติน่า อากีล่าร์ เป็นแขกรับเชิญพิเศษคนสุดท้าย
  • พ.ศ. 2561 MEMORIES ARE FOREVER ให้เพลงผูกใจ คิดถึงกันตลอด รูปแบบ LUXURIOUS รอบการแสดง เสาร์ที่ 27 มกราคม 2561 จำนวน 1 รอบ ณ ห้องนภาลัย บอลรูม, โรงแรมดุสิตธานี
  • พ.ศ. 2561 คอนเสิร์ตบทกวีในเสียงเพลง บทบรรเลงเพื่อชีวิต “จากภูผาถึงทะเล” คาราวาน > คาราบาว > พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2561 อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี โดยคริสติน่า อากีล่าร์ เป็นแขกรับเชิญพิเศษของพงษ์สิทธิ์ คำภีร์
  • พ.ศ. 2562 GSB & TIPlife Present Queens of Dance 20 เมษายน 2562 ณ GSB Stadium
  • พ.ศ. 2562 The Lyrics Of Love Concert : Greatest Hits of Dee & Boyd คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่รวบรวม 10 ศิลปิน ใหม่ นัท ติ๊นา แอม มาช่า และอีกมากมาย 2 รอบ ณ Royal Paragon Hall 13 - 14 ก.ค. 2562
  • พ.ศ. 2562 พี่ติ๊นา คริสติน่า ได้รับเกียรติร่วมขับร้อง เพลง "ให้รักเป็นสะพาน" เนื่องในโอกาสสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20 - 21 พฤศจิกายน 2562

ใกล้เคียง

คริสติน่า อากีล่าร์ คริสติน่า อากีเลร่า คริสติน่า ริชชี่ คริสติน่า บรอกโคลินี่ คริสติน่า แอปเปิลเกต คริสตินา ชานี คริสตินา กริมมี คริสตินา กรูบิล คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ คริสติน บาร์เน็ตสัน

แหล่งที่มา

WikiPedia: คริสติน่า อากีล่าร์ http://www.daradaily.com/news/56548/read/ http://www.ellethailand.com/signatures/detail/THE-... http://www.facebook.com/ChristinaAguilarFanPage http://www.instagram.com/c_aguilar http://s50.photobucket.com/user/kuro_sawa/media/Ch... http://www.posttoday.com/ent/celeb/426262 http://www.prismdigitalmag.com http://music.sanook.com/2379333/ http://mcot-web.mcot.net/9ent/view.php?id=5271c443... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1...